artt.dev

การทดลอง ตอนที่ ๑

เสียงไก่ขันดังขึ้นมาจากบ้านข้าง ๆ พร้อมกันกับลมเอื่อย ๆ ที่พัดมาจากด้านหน้าต่าง ฝนที่ตกลงมาเมื่อคืนยังทิ้งร่องรอยเป็นหยดใสอยู่บนใบสีเขียวสดของต้นไม้ที่แนบอยู่กับมุ้งลวด กิ่งของต้นประดู่โค้งงอไหวไปมา ราวกับจะชักชวนเขาออกไปสู่โลกธรรมชาติข้างนอก… มานะชอบบรรยากาศแบบนี้เสมอ

เขาอาบน้ำแต่งตัวพร้อมออกไปทำงาน หลังจากเทอาหารและน้ำให้หมาสองตัวที่เขาเลี้ยงไว้ เขาก็เดินออกจากบ้านไปยังวินมอเตอร์ไซค์ที่อยู่แถว ๆ นั้น

แปลก ไม่มีใครอยู่เลย… เขายกข้อมือขึ้นมาดูนาฬิกา เข็มสั้นกับเข็มยาวบอกเวลายังไม่ถึงหกโมงครึ่งดี… หรือเป็นเพราะว่าวันนี้เขาจะมาสายเกินไป แล้วคนก็เรียกมอเตอร์ไซค์ออกไปหมดแล้ว…

ป้ายรถเมล์อยู่ห่างออกไปที่ถนนใหญ่ไม่มากเท่าไหร่ มานะกะดูว่าถ้าเดินไปขึ้นรถเมล์คงจะยังทันอยู่ ดีเสียอีก จะได้แวะซื้อน้ำเต้าหู้เจ้าเก่าด้วย เขาเริ่มก้าวเดินไปบนถนนลาดยางที่มีรถอยู่ประปราย ตามองไปที่บ้านทรงไทย ที่เห็นได้ชัดเจนโดยเฉพาะเวลาที่ฟ้าเป็นสีแดงอ่อน ๆ อย่างตอนนี้ เขายังจำได้ตอนที่เขามาวิ่งเล่นที่ถนนเส้นนี้ตั้งแต่ยังเป็นถนนลูกรัง คงจะซัก ๒ กิโลเมตร ถ้าเขาจำไม่ผิด…

แปลก รถเข็นขายน้ำเต้าหู้ไม่มาวันนี้… สงสัยป้าแกคงจะไม่สบาย วันก่อนเห็นแกหน้าซีด ๆ เหมือนกัน แต่ไม่ได้ถาม… ทำไมวันนั้นเราไม่ได้เอ่ยปากถามป้าแกนะ เดี๋ยวไว้วันหลังถ้าเจอจะต้องถามเสียหน่อยว่าแกกับเจ้าเปี๊ยก ลูกของแกที่ชอบมาวิ่งป้วนเปี้ยนอยู่แถว ๆ นั้น เป็นอย่างไรบ้าง

มานะเดินได้อยู่สิบกว่านาทีก็มาถึงป้ายรถเมล์ มีคนแต่งชุดทำงานรออยู่ที่ป้ายแล้วจำนวนหนึ่ง… ทำไมวันนี้คนมารอที่ป้ายมากจัง… คุยกับคุณลุงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็ได้ความว่ารอมาตั้งนานแล้วก็ยังไม่เห็นมีรถเมล์มาซักคัน เขาคิดจะเดินห่างออกไปเรียกแท๊กซี่ แต่พอมองไปที่ถนนก็เพิ่งเห็นว่า ไม่ใช่แค่รถเมล์ที่ไม่วิ่ง รถแท๊กซี่ รถสิบล้อ รถสองแถว รถตุ๊กตุ๊ก ไม่มีให้เห็นเลยซักคัน รถที่เขาเห็นมีแต่รถเก๋งส่วนบุคคลเท่านั้น

“วันนี้มันเป็นอะไรนะ” เขาคิดขึ้นในใจ “แปลกเสียจริง ๆ”

พอดีหันกลับไปก็เห็นรถสีน้ำเงินที่เขาคุ้นตาค่อย ๆ มาเทียบฟุตบาทจอดตรงที่เขายืนอยู่ มานีนั่นเอง มานีเป็นเพื่อนร่วมงานของมานะที่รู้จักกันตอนสมัครงาน พอได้งานก็เลยสนิทกันเป็นพิเศษ แถมได้ทำงานที่อยู่ในสายคล้าย ๆ กัน ก็เลยได้พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องงานบ้างในบางโอกาส

“ขึ้นมามั้ย นะ ขืนรอรถเมล์อยู่งี้ได้ไปทำงานสายแน่” มานีพูดพลางเปิดประตู ทำให้มานะไม่ได้ยินคำแรก ๆ ของประโยคเท่าไหร่ มานะได้ยินแต่ว่า สายแน่ เลยทำหน้างงเล็กน้อยให้มานีเห็น

“อ้าวขอโทษที เราพูดพลางเปิดประตูอีกแล้ว เป็นยังงี้อยู่เรื่อย” มานีว่า ทำหน้าอมยิ้มรับผิด “เราบอกว่า ไปที่ทำงานด้วยกันมั้ย เดี๋ยวไปส่ง”

“อ้อ ดีเลย ขอบคุณมากนี” ว่าแล้วมานะก็ก้าวขาขึ้นรถมานีไป…